ประโยชน์ของเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนระดับพลังงาน 3.0 GeV (SPS-II) ที่เห็นได้ชัดคือ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ อาทิ อุตสาหกรรมอาหารและการเกษตร การพัฒนาวัสดุขั้นสูง การแพทย์ โบราณคดี สิ่งแวดล้อม นิติวิทยาศาสตร์ นาโนเทคโนโลยี

ตัวอย่างของขีดความสามารถที่เพิ่มขึ้นจากเดิม ได้แก่ ความสามารถในการวิเคราะห์คุณลักษณะและโครงสร้างสามมิติของวัสดุในงานอุตสาหกรรมในระดับความละเอียดสูง และความสามารถในการวิเคราะห์องค์ประกอบที่มีปริมาณน้อยมาก ๆ ในระดับหนึ่งในพันล้านส่วน ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพงานและส่งเสริมงานวิจัยใหม่ ๆ ในประเทศ อาทิ การวิเคราะห์โครงสร้างโมเลกุลของไวรัสโคโรนา การศึกษาองค์ประกอบและสถานะทางเคมีของวัสดุที่มีธาตุหนักเป็นองค์ประกอบ

 

นอกจากนี้ยังทำให้เกิดพัฒนาเทคโนโลยีรายล้อมที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีแม่เหล็ก เทคโนโลยีสุญญากาศ เทคโนโลยีความเย็นยวดยิ่ง เทคโนโลยีควบคุม เทคโนโลยีการเชื่อมโลหะขั้นสูง ลดการพึ่งพาจากต่างประเทศ ก่อให้เกิดการต่อยอดในการประยุกต์ใช้ที่จะก่อให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ในประเทศ รองรับเทคโนโลยีและนวัตกรรมในสาขาอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ดาราศาสตร์ (Astronomy) และอวกาศ (Space) การรักษาด้วยอนุภาคไอออน (Ion Beam Therapy) การป้องกันประเทศ (Defence)

 

บทความโดย 

ดร.ประพงษ์ คล้ายสุบรรณ์ ผู้จัดการโครงการสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนระดับพลังงาน 3 GeV และห้องปฏิบัติการ

ดร.พัฒน์ โพธิ์ทองคำ ผู้จัดการสร้างระบบลำเลียงแสงและสถานีทดลอง