กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) วิจัยปัญหาการผุกร่อนของผนังบ้านสำเร็จ นำไปสู่การปรับปรุงคุณภาพปูน  เพื่อช่วยลดปัญหาการผุกร่อนของผนังปูนของบ้านได้ในอนาคต

         ปัญหาการผุกร่อนของผนังบ้าน แม้ว่าจะดูว่าเป็นปัญหาที่ไม่หนักหนาอะไร แต่หากเจ้าของบ้านละเลย ปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน ก็อาจส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างของบ้านในอนาคตได้ ดร.ยิ่งยศ ภู่อาภรณ์ นักวิทยาศาสตร์ระบบลำเลียงแสง ณ ห้องปฏิบัติการแสงสยาม สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) เจ้าของผลงานวิจัย “แสงซินโครตรอน กับปัญหาการผุกร่อนผนังบ้าน” กล่าวถึงที่มาที่ไปของงานวิจัยนี้ว่า “งานวิจัยชิ้นนี้ สืบเนื่องมาจากการสังเกตผนังบ้านของผม ที่สร้างมาประมาณ 2-3 ปี พบว่า ผนังปูนบางส่วนมีการสึกกร่อน จึงได้นำปูนบริเวณที่เกิดปัญหามาวิเคราะห์ ด้วยแสงซินโครตรอน โดยเทคนิคการปลดปล่อยอิเล็กตรอนด้วยรังสีเอกซ์ (x-ray photoemission spectroscopy) และเทคนิคการดูดกลืนรังสีเอกซ์ (x-ray absorption spectroscopy) เพื่อดูว่าปูนบริเวณที่เกิดปัญหาประกอบไปด้วยธาตุชนิดไหนบ้างและเป็นสารประกอบประเภทใด
         จากผลการวิเคราะห์พบว่า ปูนบริเวณที่เกิดการผุกร่อนนั้น มีส่วนผสมของกำมะถัน (S) ซึ่งอยู่ในรูปของสารประกอบซัลเฟต (SO42-) สูง ทั้งนี้เมื่อปูนหรือคอนกรีตสัมผัสกับสารประกอบซัลเฟตจะเกิดปัญหาการผุกร่อน พองตัว แตกร้าว และทำให้โครงสร้างไม่สามารถใช้งานตามที่ออกแบบไว้ได้ในที่สุด  ซึ่งจากการวิเคราะห์พบต่อไปอีกว่า ซัลเฟตที่พบนั้นน่าจะเกิดจากการเปลี่ยนสภาพของแร่ไพไรต์ (FeS2)  ซึ่งสามารถพบได้ใน “ทราย” ที่มีอยู่ทั่วไป และนำไปใช้ในการผสมปูนเพื่อก่อสร้างบ้านนั่นเอง”
“สำหรับแนวทางการแก้ปัญหานั้น เบื้องต้นหากพบว่าผนังบ้านเริ่มผุกร่อน ให้รีบสกัดปูนบริเวณที่มีซัลเฟตผสมอยู่ออก  ซึ่งสังเกตได้อย่างง่ายคือ สีของปูนที่เกิดปัญหาจะมีสีเข้มกว่าปูนบริเวณที่ยังไม่เกิดปัญหา และจึงค่อยฉาบปูนใหม่ทับเข้าไป ทั้งนี้หากไม่กำจัดปูนส่วนที่เป็นปัญหาออก แต่ทำการฉาบปูนทับเข้าไปเลยการผุกร่อนก็จะยังเกิดขึ้นและจะเกิดลึกลงไปเรื่อยๆ  งานวิจัยหลังจากนี้ คือการศึกษาหาแหล่งที่มาของทรายชนิดนี้ ว่ามีต้นกำเนิดมาจากที่ใด เพื่อหลีกเลี่ยงการนำทรายชนิดนี้มาผสมกับปูนในการก่อสร้าง ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการผุกร่อนของผนังปูนของบ้านได้ในอนาคต” ดร.ยิ่งยศ กล่าวทิ้งท้าย