IMG 1912

           วันนี้ (29 ส.ค.57) สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน และบริษัทสยามวิจัยและนวัตกรรม จำกัด บริษัทในเครือSCG Cement-Building Materials ลงนามขยายระยะเวลาMOUมุ่งเน้นงานวิจัยพัฒนาวัสดุก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง โดยใช้แสงซินโครตรอนและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เพื่อการแข่งขันระดับโลก

12

IMG 1873 IMG 1872

ศาสตราจารย์นาวาอากาศโท ดร.สราวุฒิ สุจิตจร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) และ ดร.ปริญญา สายน้ำทิพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามวิจัยและนวัตกรรม จำกัด ได้ร่วมลงนามขยายระยะเวลาบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการด้านวัสดุก่อสร้างในวันนี้ ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นการยกระดับงานวิจัยไทย โดยเฉพาะงานวิจัยทางด้านปูนซีเมนต์ เนื่องจากเทคโนโลยีแสงซินโครตรอนเป็นเทคโนโลยีขั้นสูง และมีแห่งเดียวในเมืองไทย คือ ที่สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน จังหวัดนครราชสีมา แสงซินโครตรอนสามารถให้ข้อมูลเชิงลึก ในการวิเคราะห์โครงสร้างของวัสดุก่อสร้างได้ ทั้งในระดับอะตอม ระดับนาโนเมตร โครงสร้างผลึกและการจัดเรียงตัวของโมเลกุล ซึ่งโครงสร้างเหล่านี้สัมพันธ์โดยตรงกับคุณสมบัติของวัสดุ สามารถนำไปสู่การพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพสินค้าและผลิตภัณฑ์ตามที่ต้องการได้

ศาสตราจารย์ นาวาอากาศโท ดร.สราวุฒิ สุจิตจร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กล่าวว่า "บันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับแรกนั้น ได้ลงนามร่วมกันมาเมื่อปี พ.ศ.2555 ในช่วงเวลา 2 ปี ที่ผ่านนั้น ทั้งสององค์กรได้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทั้งในด้านวิชาการ ได้แก่ การใช้ประโยชน์แสงซินโครตรอนจากนักวิจัยของบริษัทสยามวิจัยและนวัตกรรม ซึ่งประสบความสำเร็จ มีผลงานวิจัยที่นำเสนอในการประชุมเชิงวิชาการระดับนานาชาติ นอกจากนั้นยังมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในด้านงานบริหารองค์กร  โดยเป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่า บริษัทสยามวิจัยและนวัตกรรม จำกัดมีโครงสร้างองค์กรที่แข็งแกร่ง โปร่งใส และมุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรม และให้ความสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน  ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีของการบริหารองค์กร" 

นอกจากนั้น ดร.ปริญญา สายน้ำทิพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามวิจัยและนวัตกรรม จำกัด ในเครือSCG Cement-Building Materials ได้เปิดเผยว่า "การที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าอยากได้และสามารถไปแข่งขันในตลาดโลกได้นั้น จำเป็นที่เราจะต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงองค์ประกอบและสมบัติของวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ที่เรามี เพื่อที่จะทำให้เราสามารถนำความรู้เหล่านั้นไปต่อยอด และสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรมใหม่ได้ โดยการที่จะได้มาซึ่งความรู้เชิงลึกเหล่านี้ จำเป็นที่จะต้องอาศัยเครื่องมือพิเศษที่เรียกว่า ซินโครตรอน" 

ดร.ปริญญา ยังกล่าวอีกว่า“การลงนามขยายเวลาบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อการพัฒนานวัตกรรมของไทยอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของงานวิจัยวิทยาศาสตร์ โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในประเทศ เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และนำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ”

            หลังจากพิธีลงนามความร่วมมือดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน และร่วมเยี่ยมชม “ห้องปฏิบัติการแสงสยาม” ซึ่งถือว่าเป็นห้องปฏิบัติการแสงซินโครตรอนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และมีมาตรฐานพร้อมให้บริการกับบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ

P1250699 P1250706
 P1250661P1250632
P1250686238681

P1250659  P1250687
P1250719 P1250722
P1250727 P1250732
P1250743 P1250750
P1250755  P1250771

IMG 1887IMG 1874
 
 
 IMG 1939IMG 1958

  IMG 1952IMG 1943
IMG 1955 IMG 1970
 IMG 1974IMG 1976
 IMG 1978IMG 1993
 IMG 1986IMG 1989
 
SCG1 SCG2