พลาสติกเป็นวัสดุสังเคราะห์ทางเคมีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในชีวิตประจำวัน และกลายมาเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่แปรงสีฟัน ขวดแชมพู เสื้อผ้า ถุงพลาสติก ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคส์ต่างๆ เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์ต่างๆ ของรถยนต์ มีรายงานระบุว่าในปี พ.ศ. 2555 มีการผลิตพลาสติกจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ถึง 299 ล้านตัน และมีแนวโน้มจะผลิตมากขึ้นทุกปี
เชื่อหรือไม่ว่าพลาสติกที่ถูกผลิตขึ้นมาชิ้นแรกของโลกเมื่อเกือบสองร้อยปีที่แล้วยังคงย่อยสลายไม่หมดไปจากโลกนี้ ด้วยสมบัติพิเศษของพลาสติกที่ไม่ถูกย่อยสลายได้โดยธรรมชาติทำให้พลาสติกกลายเป็นที่นิยมเนื่องจากความคงทน แต่ความพิเศษนี้ก็ส่งผลเสียเช่นกัน เมื่อมีการค้นพบการแพร่กระจายของชิ้นส่วนพลาสติกทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กในมหาสมุทร และแหล่งน้ำจืดต่างๆ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งพลาสติกบางส่วนถูกย่อยด้วยแสงอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์จนกลายเป็นอนุภาคพลาสติกขนาดเล็กที่เรียกว่า “ไมโครพลาสติก” (ขนาดเล็กกว่า 0.5 มิลลิเมตร) และพบการแพร่กระจายทั้งบนผิวน้ำ ชายหาด และก้นทะเล ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตของสัตว์น้ำหลายต่อหลายครั้ง และเมื่อไมโครพลาสติกถูกสะสมในสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เช่น แพลงตอน กุ้ง ปู ปลา เป็นต้น และในที่สุดไมโครพลาสติกก็เข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร และมาถึงเราในฐานะผู้บริโภค
ดร.สมชาย ตันชรากรณ์ หัวหน้าทีมวิจัยเรื่องไมโครพลาสติกของสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน กล่าวว่า “เมื่อไม่นานมานี้เอง นักวิทยาศาสตร์ในห้องปฏิบัติการหลายแห่งทั้งในยุโรป และอเมริกา ได้ให้ความสนใจในเรื่องไมโคร พลาสติกในน้ำดื่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากห้องปฏิบัติหนึ่งในรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ทำการศึกษาการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกในน้ำดื่มบรรจุขวดจำนวน 250 ขวดจาก 11 ยี่ห้อที่มีจำหน่ายใน 9 ประเทศ พบว่าตัวอย่างจำนวน 93% ปนเปื้อนไมโครพลาสติก โดยมีปริมาณเฉลี่ยอยู่ที่ 11 อนุภาคต่อน้ำ 1 ลิตร ดังนั้นเพื่อเป็นการพิสูจน์ในเรื่องความปลอดภัยของน้ำดื่มบรรจุขวดของประเทศไทย ทางทีมของเราจึงได้เก็บตัวอย่างน้ำดื่ม จำนวน 24 ขวดจาก 12 ยี่ห้อที่วางขายในร้านสะดวกซื้อทั่วไป มาทำการตรวจวิเคราะห์ด้วยเทคนิคกล้องจุลทรรศน์อินฟราเรด (FTIR-Microspectroscopy) พบว่ามีเพียง 41% ของจำนวนทั้งหมดที่พบไมโครพลาสติกปนเปื้อน และมีปริมาณโดยเฉลี่ย 2 อนุภาคต่อน้ำ 1 ลิตร ซึ่งถือว่ามีปริมาณน้อยมาก จนเชื่อได้ว่าปลอดภัยต่อการบริโภค”
ดร.วราภรณ์ ตัณฑนุช หนึ่งในทีมวิจัย ได้กล่าวเสริมในเรื่องนี้ว่า “เทคโนโลยีที่ใช้ในกระบวนการผลิตน้ำดื่มนั้น ระบบกรองสามารถดักจับอนุภาคที่มีขนาดเล็กในระดับ 4 – 6 ไมโครเมตร หรือ ประมาณ 1 ใน 20 เท่า ของขนาดเส้นผมมนุษย์ได้ ดังนั้นอนุภาคส่วนใหญ่รวมถึงไมโครพลาสติกจะถูกกรองในระบบก่อนการบรรจุขวด การปนเปื้อนไมโครพลาสติกในน้ำดื่มอาจเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่น บรรจุภัณฑ์ คือ ขวดพลาสติก หรือฝาปิดเอง นอกจากนั้น ด้วยเครื่องมือวิเคราะห์ของเรา สามารถระบุสิ่งที่ตรวจพบได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเราตรวจพบเส้นใยธรรมชาติที่ไม่เป็นอันตราย เช่น เส้นใยฝ้าย กระดาษ เซลลูโลส และอนุภาคที่เป็นสารอินทรีย์ เป็นต้น ในน้ำดื่มทุกยี่ห้อ มีปริมาณเฉลี่ย 5 อนุภาคต่อน้ำ 1 ลิตร การปนเปื้อนนี้อาจเกิดขึ้นจากฝุ่นผงที่เบาบางล่องลอยอยู่ในอากาศ มีที่มาจากหลายแหล่ง เช่น เสื้อผ้า กระดาษ ฯลฯ แล้วปนเปื้อนระหว่างขั้นตอนการบรรจุนั่นเอง”
ศ.นท.ดร.สราวุฒิ สุจิตจร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ได้กล่าวให้คำมั่นใจในตอนท้ายว่า “ในฐานะที่สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน เป็นหน่วยงานวิจัยของรัฐบาล เรามีหน้าที่สร้างความเข้าใจและให้ข้อมูลที่ถูกต้องโดยใช้ความรู้และเทคนิคทางวิทยาศาสตร์ขั้นสูง เพื่อพิสูจน์ความจริง และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย งานวิจัยนี้ถือเป็นตัวอย่างที่สำคัญของการใช้วิทยาศาสตร์เพื่อยืนยันในความปลอดภัยของน้ำดื่มไทย”
ความจริงเกี่ยวกับไมโครพลาสติก
- ไมโครพลาสติก คือ อนุภาคพลาสติกที่มีขนาดเล็กกว่า 0.5 มิลลิเมตร
- คุณรู้หรือไม่ว่าพลาสติกชิ้นแรกที่ถูกผลิตขึ้นในช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรมเมื่อต้นศตวรรษที่ 19 ยังถูกย่อยสลายไม่หมดจนทุกวันนี้
- ปี พ.ศ.2555 ทั่วโลกมีการผลิตพลาสติกถึง 299 ล้านตัน
- เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจวิเคราะห์ไมโครพลาสติก คือ กล้องจุลทรรศน์อินฟราเรด (FT-IR)
ผู้ประสานงาน น.ส.ศศิพันธุ์ ไตรทาน, น.ส.กุลธิดา พิทยาภรณ์
เบอร์โทรศัพท์ 0-4421-7040 ต่อ 1251-2 โทรสาร 0-4421-7047
อีเมลล์: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it., This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it., This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.