สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน)
“แสงซินโครตรอน” ที่ผลิตขึ้นจากเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน ณ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน เกิดจากการเร่งอนุภาคที่มีประจุลบหรืออิเล็กตรอนให้มีความเร็วสูงมากๆ ใกล้เคียงกับ ความเร็วแสง จากนั้นจะบังคับให้อิเล็กตรอนเลี้ยวเบนกระทันหัน ขณะเกิดการเลี้ยวเบนอิเล็กตรอนจะปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปแบบของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เรียกว่า “แสงซินโครตรอน” นั้นเอง นักวิทยาศาสตร์ได้นำแสงซินโครตรอนมาใช้ประโยชนเพื่อการวิเคราะห์โครงสร้างของสสารในระดับที่ตามองไม่เห็นนั่นคือโมเลกุลหรืออะตอม เพื่อนำไปสู่การวิจัย และการพัฒนา ผลิตภัณฑ์ก่อเกิดองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ต่อไป
พัฒนาการของเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน
เครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน ตั้งอยู่ที่ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) จ.นครราชสีมา ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเป็นเครื่องกำเนิด แสงซินโครตรอน รุ่นที่ 2 ที่ได้รับเครื่องมาจากประเทศญี่ปุ่น และนำมาติดตั้งที่สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน เมื่อปี พ.ศ. 2539 ซึ่งในตอนนั้นใช้ชื่อว่าศูนย์ปฏิบัติการวิจัยเครื่องกำเนิดแสง ซินโครตรอนแห่งชาติ หลังจากประสบความสำเร็จในการผลิตแสงซินโครตรอนจากเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนด้วยอิเล็กตรอนที่มีพลังงาน 1,000 ล้านอิเล็กตรอนโวลท์ และการให้บริการ แสงซินโครตรอนแก่ผู้ใช้ ในปี พ.ศ. 2546 สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนได้ดำเนินการพัฒนาเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ
ในปัจจุบัน โลกวิทยาศาสตร์มีความก้าวหน้าเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ทำให้เครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนของไทยรองรับงานวิจัยได้จำกัด งานวิจัยทางวิชาการและการพัฒนาด้านอุตสาหกรรม ที่สามารถสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศถูกจำกัดด้านพลังงานของแสงที่ผลิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาวิจัยวัสดุเชิงลึกที่ต้องศึกษาลึกลงไปถึงระดับการเรียงตัวของอะตอม แสงที่สามารถนำไปศึกษาวิจัย ต้องมีคุณภาพของแสงที่สูงมาก และขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนด้วย
เครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนระดับพลังงาน 3 GeV พาประเทศไทยสู่ Thialand 4.0
เครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนระดับพลังงาน 3 GeV จะทำให้สามารถรองรับ ระบบลำเลียงแสงได้ถึง 23 ระบบลำเลียงแสง มีนักวิจัยเข้ามาใช้ประโยชน์แสง ซินโครตรอนได้มากถึง 1,300 โครงการต่อปี หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่า ในปัจจุบันรวมถึงจะมีงานวิจัยที่เป็นระดับเชิงลึกมากยิ่งขึ้น อันจะนำไปสู่ ความก้าวหน้าทางการแพทย์ การสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางเกษตรและอาหาร การวิจัยโบราณคดีเชิงนิติวิทยาศาสตร์ ตลอดจนงานวิจัยเชิงคุณค่าทาง ศิลปวัฒธรรม นอกจากนี้ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมยังช่วยขยายขีดความ สามารถในรองรับงานวิจัยจากภาคอุตสาหกรรมได้เพิ่มมากขึ้น สร้างสรรค์ นวัตกรรมหลากหลายชนิด ร่วมพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศผ่านความสัมพันธ์ ระหว่างวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม อีกทั้งยังนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพ บุคลากรของไทย สาขาอาชีพต่างๆ อาทิ นักวิทยาศาสตร์ นักฟิสิกส์เครื่องเร่งอนุภาค วิศวกร และช่างผู้ชำนาญการ เป็นต้น
ประโยชน์ของเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนขนาด 3 GeV ต่อประเทศไทย
ด้านการแพทย์ |
|
|
|
|
|